วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2551

แผนการจัดการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง

แผนการจัดการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
หน่วยการเรียนรู้เรื่อง shopping
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ รหัสวิชา อ 33101 รายวิชา ภาษาอังกฤษพื้นฐาน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผู้สอน นางพรสุรางค์ อชิโนบุญญวัฒน์ เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระที่ 1. ภาษาเพื่อการสื่อสาร ( Communication)
มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.1.1, ต 1.1.3 เข้าใจกระบวนการฟัง การอ่าน

2. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
การเรียกชื่อเครื่องแต่งกายเครื่องประดับ หรือของใช้ส่วนตัวของบุคคล เป็นการใช้ภาษาในชีวิตประจำวันที่ผู้เรียนสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ฟังบทสนทนาแล้วบอกรายละเอียดได้
2 พูดถาม-ตอบเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันได้
3. สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่านและ ฟังได้

3. เนื้อหาสาระ
- Asking for suggestions
- Talking about intentions and plans
- Expressing likes, dislikes and preferences
ทักษะกระบวนการ คิด วิเคราะห์ และทำงานเป็นกลุ่ม
คุณลักษณะ / คุณธรรม จริยธรรม การซื้อของ อย่างพอเพียง และประหยัด

4. หลักฐานร่องรอยความรู้ /ภาระชิ้นงาน
- บทสรุปความแตกต่าง ในการ ซื้อของ ของเด็กวัยรุ่น ในอเมริกา กับ ตัวนักเรียน

5. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 - นำเข้าสู่บทเรียน (Warm-up)


-2-
- ให้นักเรียนบอกชื่อร้านค้าภายในเมืองหรือภายในหมู่บ้านที่นักเรียนอาศัยอยู่ หรือบอกชื่อร้านค้าที่รู้จักแพร่หลายที่จำหน่ายเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ และของใช้อื่น ๆ โดยครูถามแล้วสุ่มนักเรียนตอบ เช่น
T: I want to buy some shoes. Which place do you recommend?
S: You can go to Central Department Store.
T: Where is it?
S: It is on King Street.
T: Are there any shoe stores on this street?
S: Yes.
T: How many are there?
S: There are 3 shoe stores.
ขั้นที่ 2 - ครูแนะนำคำศัพท์ใหม่ในกิจกรรม โดยให้นักเรียนดูภาพแล้วบอกความหมายของหัวข้อต่าง ๆ เป็นภาษาไทย ต่อจากนั้นครูให้ความหมายเป็นภาษาอังกฤษ
- ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงการออกเสียงคำศัพท์ในกิจกรรม New Language แล้วให้นักเรียนจับคู่ ชี้ภาพตามขณะฟังซีดีบันทึกเสียง
- ให้นักเรียนดูภาพประกอบในกิจกรรม เพื่อให้รู้สถานการณ์ของบทสนทนาก่อนฟังซีดีบันทึกเสียง
- ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงครั้งที่ 1 ให้นักเรียนฟัง ครูซักถามความเข้าใจเกี่ยวกับบทสนทนาที่ได้ยิน ดังนี้
T: Look at the picture of the toy department. Who loves soft toys?
Ss: The two girls. (ครูอาจจะเปลี่ยนให้เป็น They both do.)
T: Look at the cell phone shop. Who is looking for a cool-looking cell phone?
Ss: The two boys. (ครูอาจจะเปลี่ยนเป็น They both are.)
T: Look at the clothes shop. Who don’t like to wear a fancy dress to go dancing? Ss: The two girls. (ครูอาจจะเปลี่ยนให้เป็น They both don’t.)
T: Look at the stationery. What is the boy going to do?
Ss: He is just looking at the greeting cards.
- ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงครั้งที่ 2 แล้วให้นักเรียนออกเสียงตามทั้งแบบรายบุคคลและเป็นแถว
- ให้นักเรียนจับคู่ ฝึกสนทนาตามบทสนทนาในกิจกรรม New Language แล้วสลับบทบาทกัน เพื่อให้มีโอกาสได้ฝึกออกเสียงทุกประโยค

-3-
ขั้นที่ 3 - ให้นักเรียนตอบคำถามในกิจกรรม Comprehension
- ครูตรวจคำตอบ โดยครูอ่านโจทย์แล้วสุ่มถามนักเรียนบางคนว่า True or False พร้อมทั้งให้อ่านประโยคที่เป็นคำตอบ และแก้ประโยคที่ผิดให้ถูกต้องตามบทสนทนา (ดูเฉลยท้ายเล่ม)
ขั้นที่ 4 - ให้นักเรียนอ่านบทสนทนา ข้อที่ 1 ในกิจกรรม Practice แล้วครู
ซักถามความหมายของประโยค Why don’t you buy him a wallet? เพื่อเป็นการทบทวนการใช้ Why don’t ? ว่าเป็นประโยคให้คำแนะนำ
- ให้นักเรียนอ่านบทสนทนา ข้อที่ 2 ในกิจกรรม Practice แล้วครูอธิบายว่า สำนวน So do I. และ Neither am I. มีความหมายว่า I feel the same way. แต่การใช้สำนวนทั้งสองนั้นแตกต่างกัน So do I. จะใช้แสดงความเห็นด้วยกับประโยคบอกเล่า แต่ Neither am I. จะใช้แสดงความเห็นด้วยกับประโยคปฏิเสธ
- ครูสุ่มให้นักเรียนบางคู่สนทนากันและให้สนทนาข้ามคู่หน้าชั้น เพื่อประเมินการพูดและความเข้าใจในการใช้สำนวน So do I. และ Neither am I.
- ให้นักเรียนจับคู่ สร้างบทสนทนาตามตัวอย่างในกิจกรรม Practice โดยเปลี่ยน
ข้อมูลตาม ความคิดของให้นักเรียนเขียนรายการของขวัญวันเกิดที่จะให้กับสมาชิกใน
ครอบครัว แล้ว จับคู่สนทนา เช่น
A: What are you going to buy for your grandfather?
B: I’m going to buy him a hat. He can wear it to play golf.
ขั้นที่ 5 - ครูให้นักเรียนเปรียบเทียบการใช้จ่ายเงินในการซื้อของ ของเด็กวัยรุ่นในอเมริกา ซึ่งใช้เงิน
ฟุ่มเฟือย ครูให้นักเรียนเปรียบเทียบการนักเรียนที่ใช้เงินพอเพียง
-จากการวิจัยเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินของวัยรุ่นชาย-หญิงอายุระหว่าง 16-19 ปี ของสำนักงานสำมะโนประชากรแห่งสหรัฐอเมริกา พบว่า วัยรุ่นช่วงอายุนี้นิยมใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อ 3 สิ่งนี้มากที่สุด คือ 1. เพื่อซื้อความบันเทิง เช่น ซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ เป็นต้น 2. เพื่อซื้ออาหารและขนมขบเคี้ยว 3.เพื่อซื้อเสื้อผ้า อย่างไรก็ตาม มีเปอร์เซ็นต์ความแตกต่างระหว่างวัยรุ่นหญิงและวัยรุ่นชายเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงิน ดังนี้ วัยรุ่นหญิงจะใช้เงิน 13% ของที่มีอยู่เพื่อซื้อความบันเทิง ใช้เงิน 15% ของที่มีอยู่เพื่อซื้ออาหารและขนมขบเคี้ยว และใช้เงินถึง 36% ของที่มีอยู่เพื่อซื้อเสื้อผ้า ซึ่งตรงกันข้ามกับวัยรุ่นชายที่จะใช้เงินถึง 24% ของที่มีอยู่เพื่อซื้อความบันเทิง ใช้เงิน 22% ของที่มีอยู่เพื่อซื้ออาหารและขนมขบเคี้ยว และใช้เงินเพียง 15% ของที่มีอยู่เพื่อซื้อเสื้อผ้า



-4-
6. การวัดผลและประเมินผล
- เกณฑ์การประเมินการฟัง
- แบบประเมินการสนทนากิจกรรมคู่

7. การจัดบรรยากาศเชิงบวก
การจัดกิจกรรม ครูให้นักเรียนเป็นผู้ปฏิบัติ คิดเอง ทำเอง โดยครูใช้คามนำ ให้นักเรียนคิดจนเกิดการ
เรียนรู้ และ สามารถสร้างผลงานเองได้ตามความสามารถ

8. สื่อการเรียนรู้
- ซีดีบันทึกเสียง
-เครื่องเล่นซีดี
แหล่งการเรียนรู้เพิ่มเติม :
- http://www.bbc.co/worldservice/learningenglish/grammar/learnit/learnitv192.shtml.

9. บันทึกผลการเรียนรู้
9.1 ผลการเรียนรู้ตามตัวชี้วัด
…………………………………………………………………………………………………
9.2 ผลการประเมินพฤติกรรม
………………………………………………………………………………………………..
10. แนวทางแก้ไข/พัฒนา
10.1 ด้านความรู้ ……………………………………………………………………………….
10.2 ด้านกระบวนการ………………………………………………………………………….
10.3 ด้านคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์…………………………………………………………….
ผลพฤติกรรม
…………………………………………………………………………………………………


พรสุรางค์ อชิโนบุญญวัฒน์ ครูผู้สอน